ข่าวสารและบทความ

SCBX ปิดดีลขาย Robinhood ให้กลุ่มผู้ลงทุนนำโดยกลุ่มยิบอินซอย

ส่งต่อแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีของคนไทยเพื่อคนไทย

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 30 กันยายน 2567 - บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำของไทย ประกาศเข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น เพื่อขายหุ้นทั้งหมดของบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ผู้ให้บริการ แอปพลิเคชัน  Robinhood   ให้กับกลุ่มผู้ลงทุนนำโดยกลุ่มยิบอินซอย โดยมูลค่าการซื้อขายคิดเป็นมูลค่ารวมสูงสุด 2,000 ล้านบาท ประกอบด้วย มูลค่าเบื้องต้นชำระทันที 400 ล้านบาท และส่วนเพิ่มตามผลประกอบการสูงสุดไม่เกิน 1,600 ล้านบาท โดยการซื้อขายในครั้งนี้อยู่ภายใต้เจตนารมณ์ที่ยังคงต้องการให้แอปพลิเคชัน Robinhood เป็นแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีที่พัฒนาโดยคนไทยเพื่อคนไทยที่สามารถแข่งขัน พร้อมดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX กล่าวว่า “Robinhood เริ่มต้นธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นให้ประเทศเราได้มีแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีสัญชาติไทย เพื่อช่วยผู้ประกอบการร้านอาหารให้สามารถทำธุรกิจต่อไปได้และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับผู้บริโภคนับตั้งแต่ช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา และเมื่อถึงเวลาที่กลุ่ม SCBX ต้องตัดสินใจส่งต่อธุรกิจ Robinhood ไปยังกลุ่มผู้ลงทุนรายต่อไป หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เราใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาผู้ที่สนใจซื้อกิจการ คือ ต้องเป็นกลุ่มธุรกิจสัญชาติไทยที่มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้ Robinhood เป็นแพลตฟอร์มของคนไทยเพื่อคนไทยที่มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งกลุ่มผู้ลงทุนนำโดยกลุ่มยิบอินซอยมีความแข็งแกร่งและเชี่ยวชาญในเรื่องของโซลูชันเทคโนโลยีแบบครบวงจร แต่ที่สำคัญยังมีเจตนารมณ์ที่จะนำพา Robinhood ให้อยู่คู่กับสังคมไทยต่อไป เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งผู้บริโภค ร้านค้า และไรเดอร์ส่งอาหาร”

นางมรกต ยิบอินซอย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยิบอินซอย จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำของกลุ่มผู้ลงทุนยิบอินซอยในการเข้าซื้อ Robinhood จาก SCBX เราเล็งเห็นถึงศักยภาพในการให้บริการส่งอาหารของแพลตฟอร์ม Robinhood  ที่มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง มีคุณภาพ มีความโดดเด่นในการให้บริการของไรเดอร์ที่สุภาพและรวดเร็ว นอกจากนี้ ประเภทของร้านค้าที่เปิดให้บริการมีหลากหลายเพราะนอกจากจะมีร้านชื่อดังชั้นนำแล้วยังมีร้านที่มีลักษณะเฉพาะตัวที่น่าสนใจ โดยเรามองว่าปัจจัยเหล่านี้ประกอบกับการเป็นแพลตฟอร์มสัญชาติไทยที่มีรากฐานที่ดี จึงเป็นโอกาสที่ดีของกลุ่มผู้ลงทุนยิบอินซอยที่จะพัฒนาธุรกิจเพื่อต่อยอดให้ Robinhood มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มีความสามารถที่จะแข่งขันที่ดียิ่งขึ้น พร้อมสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจอย่างมีส่วนร่วม (inclusive growth) ให้เกิดขึ้นในระบบนิเวศที่เกี่ยวข้อง และยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนกับร้านค้าและเศรษฐกิจของประเทศไว้ด้วยกัน”

ทั้งนี้ ลูกค้ายังคงสามารถใช้งานแอปพลิเคชัน Robinhood ได้อย่างต่อเนื่องตามปกติ โดย Robinhood จะยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานการให้บริการที่มีคุณภาพ สุภาพ รวดเร็ว เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดต่อไป

เกี่ยวกับบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน)

SCBX เป็นยานแม่ของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงิน โดยมี 12 บริษัทภายใต้กลุ่มฯ ครอบคลุม 3 กลุ่มธุรกิจสำคัญ ได้แก่ ธุรกิจธนาคาร (Banking Business) ธุรกิจบริการทางการเงินดิจิทัลและสินเชื่อเพื่อรายย่อย (Consumer and Digital Finance Business) ธุรกิจแพลตฟอร์มและเทคโนโลยี (Platform and Technology Business) รวมถึง Climate Technology มุ่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สู่การเป็นกลุ่มเทคโนโลยีทางการเงินระดับภูมิภาคที่น่าชื่นชม ดำเนินธุรกิจด้วยความคล่องตัว รอบคอบในการกำกับดูแลและบริหารความเสี่ยง ตลอดจนมีขีดความสามารถและศักยภาพในการแข่งขันกับคู่แข่งระดับโลกได้อย่างทัดเทียม

เกี่ยวกับกลุ่มผู้ลงทุนนำโดยยิบอินซอย

กลุ่มผู้ลงทุน นำโดย กลุ่มยิบอินซอย หนึ่งในกลุ่มบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร เทคโนโลยีระดับสูงด้านวิศวกรรม เทคโนโลยีด้านพลังงานและการเกษตร รวมถึงธุรกิจที่เป็นนวัตกรรมทางสังคม มีความเชี่ยวชาญและมีศักยภาพทางการค้า การลงทุนในธุรกิจที่ดีมาเกือบ 100 ปี ด้วยความภาคภูมิใจที่เป็นกิจการค้าของคนไทยที่เติบโตก้าวหน้ามาอย่างยาวนาน ทำให้ยิบอินซอยมุ่งมั่นที่จะร่วมสร้างนิเวศทางธุรกิจที่ดี (Good Business Ecosystem) ของแพลตฟอร์ม Robinhood ให้อยู่คู่กับเศรษฐกิจและสังคมไทย โดยผนึกกำลังร่วมกับกลุ่มธุรกิจชั้นนำของไทย ประกอบด้วยกลุ่ม Brooker Group ธุรกิจที่ปรึกษาด้านการเงินและการลงทุนที่ทันสมัย หนึ่งในบริษัทที่ถือครองทรัพย์สินดิจิทัลรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกลุ่ม SCT Rental Car หนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์สำหรับใช้งานส่วนบุคคลและเชิงพาณิชย์ รวมถึงบริษัทย่อยของ Loxley คือ LOXBIT ซึ่งเป็นผู้ให้บริการไอทีโซลูชั่นของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นการให้สินเชื่อดิจิทัลครบวงจรและบริการทางการเงินที่ฝังอยู่ในระบบต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าธุรกรรมของรัฐบาล, ธุรกิจ และผู้บริโภคเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย


02 ตุลาคม 2567

ยิบอินซอยจับมือซีเมนส์ร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการเลี้ยงสัตว์น้ำภายใต้การควบคุมสภาพแวดล้อม มุ่งส่งเสริมการเกษตรยั่งยืนในไทย

  ยิบอินซอยจับมือซีเมนส์ร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการเลี้ยงสัตว์น้ำภายใต้การควบคุมสภาพแวดล้อม มุ่งส่งเสริมการเกษตรยั่งยืนในไทย ยิบอินซอยร่วมกับซีเมนส์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำภายใต้การควบคุมสภาพแวดล้อม โดยข้อตกลงรวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการเกษตรภายใต้การควบคุมสภาพแวดล้อม (Controlled Environment Agriculture หรือ CEA) ของซีเมนส์ให้กับบุคลากรของยิบอินซอย ณ ศูนย์วิจัยพัฒนาและสาธิตผลิตภัณฑ์ของยิบอินซอย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาการผสานโซลูชัน CEA แบบครบวงจรจากซีเมนส์ และองค์ความรู้ด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำรวมถึงความเชี่ยวชาญด้าน IT ของยิบอินซอย ช่วยให้ความโปร่งใสของข้อมูลอย่างรอบด้านแบบเรียลไทม์ เพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะเลี้ยงและพัฒนาคุณภาพของสัตว์น้ำเพื่อการบริโภคที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงต้นทาง (trusted traceability) อีกทั้งยังช่วยให้การใช้ทรัพยากรน้ำและพลังงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน เป็นการสนับสนุนการเกษตรยั่งยืนในไทยหนึ่งในความท้าทายหลักของผู้ประกอบการฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำบนบกจากอดีตจนปัจจุบัน คือการคาดการณ์และควบคุมผลผลิตให้ได้ตามต้องการ นอกเหนือจากนั้นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) ในหลายปีที่ผ่านมาทำให้ความท้าทายนี้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นทางด้านอัตราการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ อัตราการป่วย ซึ่งทำให้ต้นทุนทางด้านอาหาร พลังงานและทรัพยากรอื่นๆที่ใช้ในการดูแลพุ่งสูงขึ้นปัญหาส่วนหนึ่งมาจากการขาดข้อมูลที่ถูกต้องในการตัดสินใจที่ครบถ้วนและทันเวลา ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการตัดสินใจจากการคาดเดาทำให้เกิดความผิดพลาด ส่งกระทบต่อภาพรวมของผลผลิต สูญเสียทรัพยากรและเกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น  เทคโนโลยีและโซลูชัน CEA ที่ครอบคลุมสำหรับอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในความร่วมมือนี้ อาทิระบบอัตโนมัติ ที่สามารถการจัดเก็บข้อมูลจากหลายๆระบบในฟาร์มเช่น ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ ระบบควบคุมสิ่งแวดล้อม และบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และแสดงผลแบบบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลในการให้อาหารอย่างเหมาะสม การวิเคราะห์พฤติกรรม ตรวจสอบและวิเคราะห์ความผิดปกติที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที ฯลฯระบบการจัดการและตรวจสอบคุณภาพน้ำและการใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีความเสถียร เหมาะกับสภาวะการเพาะเลี้ยงที่ต้องการและใช้ทรัพยากรเท่าที่จำเป็น รวมถึงการนำน้ำที่ใช้แล้วมาหมุนเวียนใช้ประโยชน์อื่นๆ เพื่อความยั่งยืนและประสิทธิภาพสูงสุดทั้งนี้ข้อมูลแบบรวมศูนย์จากระบบต่างๆข้างต้นทำให้ผู้ประกอบการได้รับข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุมแบบเรียลไทม์ อีกทั้งระบบยังสามารถแจ้งเตือนได้ทันทีเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เหล่านี้ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและตอบสนองต่อความผันผวนในสภาพแวดล้อมของฟาร์มได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ฟาร์มสามารถลดการสูญเสียทรัพยากรโดยไม่จำเป็น และเพิ่มอัตรารอดหรือผลผลิตในที่สุดนอกจากนี้เทคโนโลยี CEA ซึ่งควบคุมสภาพแวดล้อมได้ ยังสามารถนำไปใช้เพิ่มผลผลิตเช่นการจัดตั้งฟาร์มในสถานที่ที่ทำการเพาะเลี้ยงไม่ได้มาก่อน เป็นการเพิ่มความมั่นคงทางอาหารในอนาคตโดยในบันทึกข้อตกลงนี้ ซีเมนส์ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเทคโนโลยี ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนฯ เมื่อเทียบกับการเพาะเลี้ยงแบบดั้งเดิม  การร่วมมือกับยิบอินซอยในครั้งนี้จะช่วยปูทางและส่งเสริมการทำการเกษตรแบบยั่งยืนในประเทศไทย อีกทั้งเพิ่มความมั่นคงทางอาหารให้กับประเทศในอนาคตต่อไปABC,000 คนทั่วโลก กลุ่มธุรกิจของซีเมนส์สร้างรายได้ 77.8 พันล้านยูโร และมีผลกำไร 8.5 พันล้านยูโร ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.siemens.com

เกี่ยวกับยิบอินซอย

บริษัท ยิบอินซอย จำกัด ผู้นำด้านการให้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีครบวงจร ทั้ง Cloud and Infrastructure Modernization, Cyber Security, Digital Business Solutions, Data & Analytic Solutions, Professional Service, Financial & Banking Services, Communication, Navigation and Surveillance Technology รวมถึงให้คำปรึกษาในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำ อาทิ การเงินและการธนาคาร โทรคมนาคม ภาครัฐและเอกชน ด้วยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญกว่า 700 คน ที่มุ่งมั่นให้บริการอย่างเต็มประสิทธิภาพแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น การบำรุงรักษาระบบเครือข่าย อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เสริม โซลูชั่นศูนย์ข้อมูล และระบบเฝ้าระวัง (หรือระบบติดตามเฝ้าระวัง) โดยเน้นความร่วมมือกับลูกค้าอย่างเป็นระบบเพื่อการให้บริการและส่งมอบโซลูชั่นที่ดีที่สุด ตอบโจทย์ลูกค้าเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน นอกจากนี้ยิบอินซอยยังเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกมากมาย

เกี่ยวกับซีเมนส์ 

ซีเมนส์เอจี (เบอร์ลินและมิวนิค) เป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ทางด้านอุตสาหกรรม โครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง และการดูแลสุขภาพ ธุรกิจของบริษัทฯ ครอบคลุมตั้งแต่การจัดการทรัพยากรในโรงงาน การบริหารห่วงโซ่อุปทาน ระบบอาคารอัจฉริยะและระบบโครงข่ายไฟฟ้า ไปจนถึงการขนส่งที่ใช้พลังงานสะอาด และการดูแลสุขภาพขั้นสูง บริษัทฯ พัฒนาเทคโนโลยีด้วยวัตถุประสงค์เพื่อมอบคุณค่าที่แท้จริงแก่ลูกค้า ซีเมนส์ช่วยให้ลูกค้าเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมและตลาด เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตของคนนับพันล้านโดยผสานโลกความจริงและโลกดิจิทัลเข้าไว้ด้วยกัน ซีเมนส์เป็นผู้ถือหุ้นหลักในABCเฮลทิเนียร์ส ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการแพทย์และบริการดูแลสุขภาพดิจิทัล นอกเหนือจากนั้น ซีเมนส์ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยใน ABCเอนเนอร์ยี่ ผู้นำระดับโลกในด้านการผลิตและนำส่งพลังงานไฟฟ้า  ในปีงบประมาณ 2566 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อ 30 กันยายน 2566 ซีเมนส์มีพนักงาน 320,000 คนทั่วโลก กลุ่มธุรกิจของซีเมนส์สร้างรายได้ 77.8 พันล้านยูโร และมีผลกำไร 8.5 พันล้านยูโร ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.siemens.com


16 กันยายน 2567

ครั้งแรกของไทย!! บริษัท ยิบอินซอยและแย๊คส์ จำกัด เข้าร่วม ‘FARM EXPO 2024’ งานมหกรรมเกษตรยุคใหม่ ที่เกษตรรุ่นใหม่ต้องรู้

บริษัท ยิบอินซอยและแย๊คส์ จำกัด เข้าร่วมงานแถลงข่าว ‘FARM EXPO 2024’ งานมหกรรมเกษตรในร่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการบูรณาการภาคการเกษตรไทย ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ขับเคลื่อนพัฒนาธุรกิจ นวัตกรรม เทคโนโลยี และส่งเสริมการตลาดอุตสาหกรรมการเกษตรไทย ภายใต้แนวคิด “Revolutionizing Farm Business” มีจุดมุ่งหมายหลักคือ การสร้างวิสัยทัศน์ใหม่ นำเกษตรกรสู่นักธุรกิจการเกษตรคุณยุพธัช ยิบอินซอย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยิบอินซอยและแย๊คส์ จำกัด เปิดเผยในงานฯ ‘FARM EXPO 2024’ ว่า “ปีนี้บริษัท ยิบอินซอย จำกัด ก้าวเข้าสู่ปีที่ 98 อีก 2 ปีข้างหน้า บริษัทฯ จะครบ 100 ปี บริษัทฯ มีปณิธาณที่จะขับเคลื่อนให้เกษตรกรไทยให้อยู่ได้อย่างยั่งยืนเพราะต้องการที่จะ ‘ตอบแทนคุณแผ่นดินไทย’ โดยบริษัทต้องการที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถที่จะลดต้นทุนการผลิตได้จริง เพื่อที่จะสามารถต่อสู้กับตลาดโลกรวมไปถึงสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรไปยังต่างประเทศได้อย่างยั่งยืน  โดยเราเป็นบริษัทแรกที่นำปุ๋ยเคมีเข้าประเทศไทยในช่วงประมาณ 80 ปีที่แล้ว ทำให้เราเข้าใจเกษตรกรเป็นอย่างดี และปัจจุบันเรามีบริษัทที่มีเทคโนโลยีด้านการประหยัดพลังงานมาต่อยอด เพื่อควบคุมต้นทุนทางพลังงานของภาคเกษตรต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ อีกทั้งเรายังสนับสนุนเทคโนโลยีชีวภาพที่สามารถลดการใช้ยา และสารเคมีให้ใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งถ้าสามารถทำโปรเจคนี้สมบูรณ์ จะเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่จะช่วยลดต้นทุนให้กับเกษตรกร เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของภาคเกษตรก็จะเป็นจริง”งาน ‘FARM EXPO 2024’ ภายในงานยังพบกับผู้มีส่วนร่วมภาคการเกษตรในทุกระดับ ตั้งแต่ผู้ประกอบการจากทั้งในและต่างประเทศ ที่จะมาพัฒนาความยั่งยืนผ่านเทคโนโลยี ส่งตรงถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย พร้อมร่วมมือกันยกระดับเกษตรกรสู่เกษตรกรรมที่ยั่งยืน กว่า 300 บูธ ที่มาร่วมโชว์นวัตกรรม สินค้า พร้อมกับให้องค์ความรู้ ในงาน ‘FARM EXPO 2024’ ที่จะจัดขึ้นใน วันที่ 3 - 6 ตุลาคม 2567 พบกับบูธบริษัท ยิบอินซอยและแย๊คส์ จำกัด บูธ M21 ณ ฮอลล์ 98-99 ไบเทค บางนา


16 กันยายน 2567

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โดย อุทยานเทคโนโลยี มจพ. กับ บริษัท โซลารินน์ จำกัด

วันที่ 26 มิถุนายน 2566 เมื่อเวลา 13.30 น. อุทยานเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปรีชา อ่องอารี ผู้อำนวยการอุทยานเทคโนโลยี มจพ. พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ดร.นิสัย เฟื่องเวโรจน์สกุล คณบดีบัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ นานาชาติ สิรินธร ไทย-เยอรมัน และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นภดล วิวัชรโกเศศ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ อุทยานเทคโนโลยี มจพ. ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท โซลารินน์ จำกัด นำโดย นายยุพธัช ยิบอินซอย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซลารินน์ จำกัด , นายอภิชาติ ภูมิศุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซลารินน์ จำกัด และ นายอนุชา คู่อรุณยสุนทร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท โซลารินน์ จำกัด เป็นผู้ลงนาม พร้อมด้วยผู้บริหารทั้งสองหน่วยงานร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุม Training Center 3 บริษัท ยิบอินซอย จำกัด

โดยวัตถุประสงค์ของการลงนามข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มความร่วมมือในการพัฒนานักศึกษา บุคลากรของ มหาวิทยาลัย และบุคลากรของ บริษัท โซลารินน์ จำกัด ในด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ ระบบกักเก็บพลังงานโดยใช้วัตุดิบ Sodium ion ซึ่งมีจำนวนวัตถุดิบอยู่มากในประเทศไทย และเทคโนโลยีอื่นที่เกี่ยวข้องมาสร้างงานวิจัยพร้อมเสริมความร่วมมือในด้านการศึกษา การวิจัย และการแบ่งปันความรู้ร่วมกัน


05 กรกฎาคม 2566

ยิบอินซอย เยี่ยมชมโรงงานแบตเตอรี่ และพลังงานยุคใหม่ ม.ขอนแก่น

คุณมรกต ยิบอินซอย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มบริษัท ยิบอินซอย จำกัด คณะเจ้าหน้าที่ของบริษัท โซลารินน์ จำกัด และกลุ่มบริษัทในเครือ ได้รับเกียรติจาก รศ.นายแพทย์ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมด้วย ศ. ดร.ธิดารัตน์ บุญมาศ รองอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรม และวิสาหกิจ ในโอกาสขอเข้าพบเพื่อแนะนำบุคลากร และนำเสนอข้อมูลของบริษัทฯ พร้อมทั้งหารือเกี่ยวกับความร่วมมือ เพื่อพัฒนานิสิต และนักศึกษาทางด้านไอที (Information Technology) สำหรับความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับกลุ่มบริษัท ยิบอินซอย จำกัด ได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOA) ร่วมกันในโครงการ “พัฒนางานวิจัยสู่การผลิตภาคอุตสาหกรรม” ซึ่งเป็นการบูรณาการความร่วมมือในการวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ของโรงงานแบตเตอรี่ และพลังงานยุคใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อไปใช้ประโยชน์สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้จะมีโครงการนำแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมไอออน (Na-ion battery) ไปใช้เป็นแหล่งกักเก็บพลังงาน โดยมุ่งเน้นการใช้งานทางอุตสาหกรรมการเกษตร อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และเป็นแหล่งถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่คณาจารย์ นักศึกษา และบุคลากรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจต่อไปในอนาคต ซึ่งภายหลังการหารือในช่วงเช้า ผู้บริหารจากกลุ่มบริษัท ยิบอินซอย จำกัด ได้มีการเดินทางเข้าไปเยี่ยมชมโรงงานต้นแบบแบตเตอรี่ และพลังงานยุคใหม่ ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณอุทยานวิทยาศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นอีกด้วย


04 พฤษภาคม 2566

ยิบอินซอย เยี่ยมชมโรงงานแบตเตอรี่ และพลังงานยุคใหม่ ม.ขอนแก่น

คุณมรกต ยิบอินซอย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มบริษัท ยิบอินซอย จำกัด คณะเจ้าหน้าที่ของบริษัท โซลารินน์ จำกัด และกลุ่มบริษัทในเครือ ได้รับเกียรติจาก รศ.นายแพทย์ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมด้วย ศ. ดร.ธิดารัตน์ บุญมาศ รองอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรม และวิสาหกิจ ในโอกาสขอเข้าพบเพื่อแนะนำบุคลากร และนำเสนอข้อมูลของบริษัทฯ พร้อมทั้งหารือเกี่ยวกับความร่วมมือ เพื่อพัฒนานิสิต และนักศึกษาทางด้านไอที (Information Technology) สำหรับความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับกลุ่มบริษัท ยิบอินซอย จำกัด ได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOA) ร่วมกันในโครงการ “พัฒนางานวิจัยสู่การผลิตภาคอุตสาหกรรม” ซึ่งเป็นการบูรณาการความร่วมมือในการวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ของโรงงานแบตเตอรี่ และพลังงานยุคใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อไปใช้ประโยชน์สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้จะมีโครงการนำแบตเตอรี่ชนิดโซเดียมไอออน (Na-ion battery) ไปใช้เป็นแหล่งกักเก็บพลังงาน โดยมุ่งเน้นการใช้งานทางอุตสาหกรรมการเกษตร อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และเป็นแหล่งถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่คณาจารย์ นักศึกษา และบุคลากรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจต่อไปในอนาคต ซึ่งภายหลังการหารือในช่วงเช้า ผู้บริหารจากกลุ่มบริษัท ยิบอินซอย จำกัด ได้มีการเดินทางเข้าไปเยี่ยมชมโรงงานต้นแบบแบตเตอรี่ และพลังงานยุคใหม่ ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณอุทยานวิทยาศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นอีกด้วย


04 พฤษภาคม 2566